จ.ขอนแก่น คืบหน้าฉีดวัคซีนโควิดแล้ว 73.84 % ย้ำทุกหน่วยฉีดพร้อมเปิดวอล์คอิน ฉีดวัคซีนสูตรไขว้ 3 สูตร 17 พฤศจิกายนนี้

Social Share

นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยภาพรวมสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่ว่า ขณะนี้ทุกหน่วยบริการวัคซีนในจังหวัดขอนแก่น ได้มีการปรับตัวตามแนวทางที่ได้มีการปรับสูตร การฉีดวัคซีนแบบไขว้ 3 สูตร คือ สูตรที่ 1 แอสตร้า + แอสตร้า สูตรที่ 2 แอสตร้า+ไฟเซอร์ และสูตรที่ 3 ซิโนแวค+แอสตร้า ซึ่งได้เริ่มฉีดทั้ง 3 สูตร เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา มีประชาชนมารับการฉีดวัคซีนมากขึ้นกว่าเดิมถึง 1 เท่าตัว และคาดหวังว่าการฉีดในวันพุธที่ 17 พฤศจิกายน นี้ ที่หน่วยฉีดทุกหน่วยจะรับประชาชนชาวขอนแก่นเข้ารับการฉีดวัคซีนไขว้สูตรใหม่ทั้ง 3 สูตรแบบ walk in

Social Share

ขณะนี้จังหวัดขอนแก่นได้ให้บริการฉีดวัคซีนไปแล้วกว่า 9 แสนสองหมื่นกว่าคน คิดเป็น 73.84 เปอร์เซ็นต์ ของยอด 1,256,000 คน ของ 70% ประชากร จากยอดรวมของประชากร 1,800,000 คน ซึ่งฉีดได้ อยู่ที่ประมาณ 50.06 เปอร์เซ็นต์ ถือว่าเคลื่อนตัวในทิศทางที่ดีขึ้น คาดการณ์ว่าภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้ จากการที่ประชาชนเข้ารับการฉีดมากขึ้น จะทำให้สามารถเตรียมตัวในการจัดกิจกรรมต่างๆ ได้ ขณะนี้ คณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดได้อนุมัติให้มีการจัดกิจกรรมต่างๆในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น กว่า 8 กิจกรรม ขนาดใหญ่ในพื้นที่ เช่น การจัดงานเทศกาล การจัดสอบ การจัดประชุม ซึ่งจะมีส่วนสำคัญทำให้เศรษฐกิจของเมืองเคลื่อนไปได้ สำหรับการเป็นเมืองแห่งการจัดประชุมสัมมนา หรือเมือง MICE City สำหรับการฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มนักเรียน อายุ 12 -17 ปี  ขณะนี้ฉีดวัคซีนไปแล้ว 103,000 ราย จากยอดที่แจ้งความประสงค์เข้ารับการฉีดประมาณ 130,000 ราย แนวโน้มผู้ติดเชื้อรายใหม่ในช่วง 3-4 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีแนวโน้มลดลง ผนวกกับการระดมฉีดวัคซีนเป็นไปในทิศทางที่เป็นขาขึ้น ดังนั้น คณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัด จึงให้ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กและโรงเรียนประถมศึกษา ได้ประเมินตนเอง โดยจะต้องขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการบริหารสถานศึกษาและผู้ปกครอง เพื่อออกแบบการจัดการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้ปกครอง เช่น ในกรณีหากโรงเรียนใดที่ผู้ปกครองเห็นชอบให้มีการเรียน on site 100% ทางโรงเรียนจะต้องปรับรูปแบบการเรียนการสอนแบบ on site ให้กับนักเรียนทุกคน และจากการสำรวจ พบว่า บางโรงเรียนผู้ปกครองเห็นชอบให้เด็กเรียนออนไซด์เพียง 66-67 เปอร์เซ็นต์ อีกสามสิบกว่าเปอร์เซ็นต์ผู้ปกครองไม่ยินยอมให้เรียน on site ทางโรงเรียนจะต้องไปปรับรูปแบบในลักษณะ Hybrid คือให้เด็กมาเรียนร่วมในโรงเรียนแบบ on-site และในส่วนที่ผู้ปกครองไม่เห็นชอบให้เรียนออนไลน์ที่บ้านตามความประสงค์ คาดการณ์ว่าจะมีการประชุมพิจารณาให้มีการเปิดเรียนภาค 2 สำหรับโรงเรียนที่มีการประเมินความพร้อม ทั้งตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ และตามมาตรการของคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัด ซึ่งหากเห็นชอบและมีการประเมินผ่านจะให้มีการเปิดการเรียนการสอนภายในประมาณวันที่ 1 ธันวาคม 2560 นี้

แต่ทั้งนี้จะต้องมีการนำข้อมูลทั้งหมดมาเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อภายในไม่เกินวันที่ 25 พฤศจิกายนนี้  สำหรับในกลุ่มสตรีตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป ซึ่งในจังหวัดขอนแก่นมีสตรีตั้งครรภ์กว่า 5,500 คน ขณะนี้เข้ารับการฉีดวัคซีนอยู่ที่ประมาณ 1300 กว่าคน คิดเป็น 24% จึงขอเชิญชวนสตรีตั้งครรภ์ที่อายุครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไปเข้ารับการฉีดวัคซีน เพื่อความปลอดภัยของแม่และเด็กในครรภ์ และจากการวิเคราะห์ข้อมูลผู้ติดเชื้อรายใหม่ในช่วง 3-4 สัปดาห์ที่ผ่านมา นั้น พบว่าผู้ติดเชื้อรายใหม่ สาเหตุสำคัญคือ  

1. การไม่ปฏิบัติตามมาตรการ DMHTTA ประมาณ 44.84 เปอร์เซ็น 

2. การแพร่ระบาดของเชื้อในกลุ่มสถานประกอบการโรงงาน ร้านอาหาร ประมาณ 21.7 1% 

3. เกิดจากการสังสรรค์รวมกลุ่มประมาณ 19.66 เปอร์เซ็นต์ 

4. เกิดจากการติดเชื้อจากพื้นที่เสี่ยงประมาณ 7.15 เปอร์เซ็นต์ 

นอกจากนี้ ยังได้มีการติดตามผลสำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนไปแล้วมีการติดเชื้อหรือไม่ พบว่ามีประมาณ 5-6 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งไม่มีอาการรุนแรงและเชื้อไม่ลงปอด ดังนั้น จึงถือได้ว่าวัคซีนจะเป็นสิ่งสำคัญในการช่วยลดความรุนแรงเมื่อได้รับเชื้อลงได้

      ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวเพิ่มเติมถึงการเตรียมแผนเผชิญเหตุ ว่า ขณะนี้ได้เตรียมการ ประชุมเพื่อคาดการณ์สถานการณ์ ซึ่งจากการที่รัฐบาลได้ดำเนินการเปิดประเทศและจังหวัดท่องเที่ยวได้เริ่มดำเนินการทำให้ได้ทราบถึงจุดอ่อนจุดแข็งที่สำคัญ รวมทั้ง จังหวัดขอนแก่นได้มีการจัดประชุมสัมมนามีการขับเคลื่อนเศรษฐกิจมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง พบว่าไม่มีรายงานการเกิดจากการจัดกิจกรรมหรืองานต่างๆในพื้นที่ จึงเชื่อมั่นว่ามาตรการเฉพาะหน้าที่ได้มีการกำหนดให้ทุกหน่วยที่จะจัดกิจกรรมต้องขออนุมัติและจัดทำแผนนำเสนอต่อคณะกรรมการเพื่อพิจารณานั้น ถือว่ามีความรัดกุม

เป็นมาตรการที่มีประสิทธิภาพ มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ ส่วนมาตรการที่จะต้องมีการวางวางแผนเผชิญเหตุขนาดใหญ่ ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ซึ่งปัจจุบันมีผู้คนที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่จังหวัดขอนแก่นเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวซึ่งจะต้องมีการเตรียมแผนเผชิญเหตุขนาดใหญ่ไว้ให้พร้อม กับสถานการณ์เพื่อให้เกิดความมั่นใจและมีประสิทธิภาพสูงมากยิ่งขึ้น และในช่วงเวลานี้ ช่วงวันหยุดที่ผ่านมามีผู้คนเข้าไปท่องเที่ยวในสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สำคัญในพื้นที่จังหวัดขอนแก่นเป็นจำนวนมาก เช่น อุทยานแห่งชาติหินช้างสี อุทยานไดโนเสาร์ จึงได้ดำเนินการให้บริการฉีดวัคซีนให้กับชุมชนโดยรอบสถานที่ท่องเที่ยวหลักในพื้นที่ให้ครอบคลุมให้มากที่สุด ซึ่งบางส่วนสามารถดำเนินการได้ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ของผู้ประกอบการในพื้นที่ในจุดท่องเที่ยวหลักหรือพื้นที่เศรษฐกิจของจังหวัด เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนที่จะเดินทางเข้ามาในพื้นที่ ให้เกิดความมั่นใจและความปลอดภัย อย่างสูงสุดอีกด้วย

About Author

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *