ผัวทิ้งเมียก่อนถูกรวบพร้อมยาบ้ากว่า 2 แสนเม็ด

Social Share

ผัวทิ้งเมียหนี ถูกรวบพร้อมยาบ้าร่วมสองแสนเม็ด สารภาพ ร่วมนายทุนชาวลาว กระจายยาบ้าขายในอีสาน

Social Share

เมื่อเวลา 19.30 น. วันที่ 8 มีนาคม 2565 ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 4 พ.ต.อ.พัฒณศักดิ์ ยี่สารพัฒน์ ผกก.สืบสวน 2 บก.สส ภ.4 พ.ต.ท.จีระวัฒน์ โพธินา รองผกก.สืบสวน 2 บก.สส ภ.4 พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน 2 บก.สส ภ.4  ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม นางสาวศิริลักษณ์ หรือ แป้ง จันทร์ยอย อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 85 ม.9 ต.บ้านใหม่ อ.สีชมพู จ.ขอนแก่น พร้อมของกลางยาบ้า 198,000เม็ด โทรศัพท์มือถือจำนวน 3 เครื่อง รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า ซิตี้ สีเทา ทะเบียน ญธ-9098 กรุงเทพมหานคร

ก่อนจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน 2 บก.สส.ภ.4 รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า ในช่วงเวลาสี่ทุ่ม คืนวันที่ 6 มีนาคม 2565 มีกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ จะส่งมอบยาบ้าจำนวนมากที่บริเวณเสาไฟฟ้าบนถนนทางเข้าไร่อ้อย ข้างถนนมะลิวัลย์เส้นทางระหว่าง อ.หนองเรือ ไป อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น โดยทางเข้าไร่อ้อยนั้นจะมีหลักกิโลเมตรบอกระยะทางอีก 16 กิโลเมตร ถึง อ.ชุมแพ ชุดจับกุมจึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและร่วมกันวางแผนจับกุม 

จากนั้นได้ตรวจสอบบริเวณเสาไฟฟ้าบนถนนทางเข้าไร่อ้อย ก็พบกระสอบวางอยู่จำนวน 1 กระสอบ เชื่อว่าเป็นยาบ้า จึงได้วางกำลังซุ่มดูพฤติการณ์โดยรอบ ต่อมามีรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฮอนต้า ซิตี้ สีดำ ติดแผ่นป้ายทะเบียน ญ6 9098 กรุงเทพมหานคร ขับมาที่บริเวณเสาไฟฟ้าและชายคนขับรถก็ลงจากรถพร้อมทั้งพยายามจะยกเอากระสอบดังกล่าวขึ้นรถเก๋ง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตัวของตรวจค้น ชายคนดังกล่าวได้ทิ้งกระสอบลงและวิ่งหลบหนีเข้าไปในป่าอ้อย  ในรถเก๋งจึงเหลือเพียงนางสาวศิริลักษณ์ หรือแป้ง จันทร์ยอย อายุ 21 ปี นั่งอยู่ที่เบาะหน้าและพยายามจะวิ่งหนี  เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงคุมตัวไว้  

ส่วนกระสอบที่ทิ้งอยู่ข้างรถนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการแกะเพื่อตรวจสอบภายในพบยาบ้าทั้งหมด 34 ก้อน รวมยาบ้าทั้งสิ้น 198,000 เม็ด และพบโทรศัพท์มือถือ ตกอยู่ในรถจำนวน 3 เครื่องพร้อมบัตรประชาชนของนายอาร์ม วงษ์จันทร์หล้า อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 22 หมู่ 5 ต.หนองดู อ.บ้านแท่น จ.ชัยภูมิ 

น.ส.ศิริลักษณ์ฯ ให้การว่าร่วมกับนายอาร์มฯ เดินทางไปรับเอายาบ้าซึ่งเป็นยาเสพติดให้โทยในที่เกิดเหตุ เพื่อจะนำยาบ้าทั้งหมดนั้นไปกระจายส่งให้แก่ลูกค้าในพื้นที่ใกล้เคียงตามคำสั่งของนายทุนชาว สปป.ลาว ซึ่งเป็นการจำหน่ายยาเสพติดโดยกระทำเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายยาเสพติด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งให้ น.ส.ศิริลักษณ์ฯ ทราบว่าเขาต้องถูกจับแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบว่า “ร่วมกับนายอาร์ม วงษ์จันทร์หล้า จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) เพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนโดยผิดกฎหมาย”

น.ส.ศิริลักษณ์ ให้การรับสารภาพ มีนายทุนซึ่งเป็นชาวลาว แจ้งมาว่า ให้ไปรับเอายาบ้าที่บริเวณเสาไฟฟ้าบนถนนทางเข้าไร่อ้อย ข้างถนนมะลิวัลย์เส้นทางระหว่าง อ.หนองเรือ ไป อ.ชุมแพ แล้วให้นำยาบ้าทั้งหมดไปกระจายส่งให้แก่ลูกค้าในพื้นที่ใกล้เคียงตามคำสั่งของนายทุนชาว สปป.ลาว  ส่วนชายที่หนีไปคือนายอาร์ม สามีตัวเอง และยอมรับว่านายอาร์มฯ และตนเกี่ยวข้องกับยาบ้าจริง ซึ่งในวันเกิดเหตุนายอาร์ม ชวนตนมาเป็นเพื่อน เพื่อมารับเอายาบ้าที่นายทุนชาวลาวต้องการกระจายส่งให้ลูกค้าในพื้นที่ใกล้เคียงตามคำสั่งของนายทุนลาว ซึ่งก่อนเดินทางมารับยาบ้านั้นได้ร่วมกันเสพยาบ้าที่บ้านจากนั้นก็เดินทางมายังจุดนัดรับยาบ้า จนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้ดังกล่าว  

 

จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัว น.ส.ศิริลักษณ์ ไปตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดในร่างกายที่ รพ.ขอนแก่น มีผลเป็นบวก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษประเกท 1 (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย และข้อหา ร่วมกับนายอาร์ม วงษ์จันทร์หล้า จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) เพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนโดยผิดกฏหมาย

พ.ต.อ.พัฒณศักดิ์ ยี่สารพัฒน์ ผกก.สืบสวน 2 บก.สส ภ.4 กล่าวอีกว่า ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ 1 คน และสามีที่หลบหนีไปนั้น ถือเป็นผู้ต้องหารายสำคัญ ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการการค้ายาเสพติดข้ามชาติ ส่วนยาเสพติดนั้น จากการตรวจสอบพบว่ามีอักษร Y-1 อยู่ที่ห่อยาบ้า ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของยาบ้าที่มาจากกลุ่มว้าเหนือ ที่ร่วมกับนายทุนชาวลาว ขนข้ามแม่น้ำโขงมาขายในพื้นที่ภาคอีสานของประเทศไทย และยาบ้าจำนวนดังกล่าวจะมีราคาขายที่ไม่เท่ากัน ซึ่งหากมีการขนและขายได้รอดจะอยู่ที่ราคาเกือบสิบล้านบาท 

ซึ่งหลังจากจับกุมผู้ต้องหารายนี้ได้แล้วก็จะนำส่งตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางให้พนักงานสอบสวนสภ.ชุมแพ ดำเนินคดีตามกฎหมายและจะมีการขอศาลออกหมายจับ นายอาร์มมาดำเนินคดีในข้อหาเดียวกัน รวมถึงการดำเนินการในการยึดทรัพย์ และขยายผลไปยังกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติดมาดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป

About Author