พบผู้ป่วยไข้หูดับครั้งแรกพร้อมเตือนประชาชนเลี่ยงกินหมูสุกๆดิบๆ

Social Share

พบผู้ป่วยไข้หูดับครั้งแรกในภาคอีสาน และครั้งแรกของจังหวัดมุกดาหาร พร้อมเตือนประชาชนเลี่ยงกินหมูสุก ๆดิบ ๆ

Social Share

  เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2564  นายประวิตร ศรีบุญรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา  จังหวัดมุกดาหารพบผู้ป่วยยืนยันพบเชื้อ Streptococcus suis (โรคไข้หูดับ) จำนวน 3 ราย ซึ่งเป็นการตรวจยืนยันพบโรค Streptococcus Suis (โรคหูดับ) เป็นครั้งแรกในจังหวัดมุกดาหาร ครั้งแรกในภาคอีสาน และมีผู้ป่วยเข้าข่ายสงสัยโรคหูดับ จำนวน 7 ราย ทุกราย มีประวัติรับประทานหมูดิบ ในงานบุญ ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ตำบลบ้านโคก อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร

          นายประวิตร ศรีบุญรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดมุกดาหาร  กล่าวว่า โรคไข้หูดับ  เกิดจากเชื้อสเตรปโตคอกคัส ซูอิส เป็นสาเหตุของภาวะเยื่อหุ้มในสมอง การติดเชื้อในกระแสเลือดและการสูญเสียการได้ยิน สามารถติดต่อจากสัตว์สู่คน จากการรับประทานเนื้อสัตว์ดิบและการสัมผัสสัตว์ป่วยทำให้เชื้อเข้าทางแผลตามร่างกาย โดยส่วนมากผู้ติดเชื้อมักมีอาชีพเกี่ยวกับการเลี้ยงหมู ทำงานในโรงงานชำแหละหมู หรือผู้สัมผัสกับสารคัดหลั่งของหมู เช่น น้ำมูก น้ำลาย  หลังจากได้รับเชื้อ 3-5 วัน ผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูง ปวดศีรษะอย่างรุนแรง เวียนศีรษะจนทรงตัวไม่ได้ อาเจียน คอแข็ง หูหนวก ท้องเสีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ  มีจ้ำเลือดตามตัว ตามผิวหนัง ชัก  อีกทั้งยังนำไปสู่การเสียชีวิตจากภาวะ toxic shock syndrome ผู้ป่วยบางรายที่ไม่เสียชีวิตส่วนใหญ่จะพบความพิการตามมา เช่น สูญเสียการทรงตัว กล้ามเนื้ออ่อนแรง และสูญเสียการได้ยินถึงขั้นหูหนวกหรือเรียกว่า หูดับ ในรายที่มีอาการรุนแรงอาจะถึงขั้นเสียชีวิตเนื่องมาจากการติดเชื้อในกระแสเลือด  

          ผู้ที่มีความเสี่ยง ได้แก่ ผู้จำหน่าย หรือผู้ที่รับประทานเนื้อหมูดิบ หรือสุก ๆ ดิบ ๆ เช่น ลาบหมูดิบ หรือหลู่ ที่มีการปนเปื้อนของเชื้อ พบได้ในทุกช่วงอายุ แต่โดยทั่วไปจะพบในผู้ใหญ่ และพบในเพศชายสูงกว่าเพศหญิง

   สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมุกดาหาร ขอเตือนประชาชนให้ระมัดระวังเรื่องการประกอบอาหารและรับประทานอาหารดังกล่าว โดยขอให้เน้นการรับประทานอาหารที่ปรุงสุก ใหม่ และสะอาด หลีกเลี่ยงการบริโภคเนื้อหมูดิบ หรือสุก ๆ ดิบ ๆ หากผู้ปรุงอาหารจากเนื้อหมูมีบาดแผลที่ผิวหนัง ต้องทำการปิดแผล และสวมถุงมือขณะปรุง เลือกซื้อเนื้อหมูที่ไม่มีกลิ่นคาว สีคล้ำ เนื้อยุบ ก่อนประกอบอาหารควรต้มด้วยอุณหภูมิตั้งแต่ 70 องศาเซลเซียส นานอย่างน้อย 10 นาที หรือต้มจนไม่มีสีแดง และไม่สัมผัสเนื้อหมูและเลือดดิบด้วยมือเปล่า โดยเฉพาะผู้เลี้ยงหมู ผู้ที่ทำงานในโรงฆ่าสัตว์ ผู้ที่ชำแหละเนื้อหมู สัตวบาล สัตวแพทย์ ควรสวมรองเท้าบู๊ตยาง สวมถุงมือ รวมถึงสวมเสื้อที่รัดกุมระหว่างทำงาน หากมีบาดแผลต้องปิดแผลให้มิดชิด และล้างมือหลังสัมผัสกับหมูทุกครั้งด้วย

          ด้านนายสมบัติ เลาหตรีรานนท์  ผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านโคก  เปิดเผยว่า  ที่หมู่บ้านมีงานบุญมีการชำแหละหมู บริโภคเนื้อดิบทำเป็นลูกเต๋า ก้อย ลาบใส่เลือดดิบ ทานไปเมื่อวันที่ 6 พ.ย. ผู้ป่วยมีอาการเป็นไข้ ปวดกล้ามเนื้อ หนาวสั่น ไปโรงพยาบาล ผลตรวจออกมาเป็นหูดับ ตรวจพบเชื้อ 3 คน ไปโรงพยาบาลครั้งแรกไป 6 คน ผลตรวจพบไข้หูดับจำนวน 3 ราย ส่วนอาการปวดกล้ามเนื้อหูไม่ได้ยินเลย ดับเลย 3 ราย

 ผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านโคก  เปิดเผยอีกว่า ฝากประชาสัมพันธ์ไปยัง อสม. และประชาชนทั่วไปในการบริโภคอาหาร โดยเฉพาะเนื้อหมูดิบก็ควรทำให้สุก ปรุงสุก ในขณะนี้ชาวบ้านยังมีประเพณีกินหมูดิบอยู่บ้าง ทำให้เกิดโรคอันตรายอย่างร้ายแรง ถือเป็นเคสที่เพิ่งเจอของจังหวัดมุกดาหาร อยากให้ประชาชนทั่วไป ควรบริโภคอาหารที่ปรุงสุกใหม่ ๆ  ส่วนอาการไข้หูดับ ไม่สามารถกลับมาปกติได้ อาการจะเป็นหูดับถาวรเลย ไม่ได้ยินเลย ไปทำลายประสาทส่วนรับเสียง ไม่สามารถเอาเครื่องมาใส่เพื่อได้ยินเสียงได้ หูดับไปเลยไม่ได้ยินเสียงถาวร ไม่ได้ยินเสียงไปตลอดชีวิต

          ด้านนางลุ่น รูปสะอาด  ประธาน อสม. หมู่ที่ 7  ตำบลบ้านโคก อำเภอเมืองมุกดาหาร  บอกว่า ลุงเฉลียวที่ผ่านมาได้ยินเสียงปกติ พอดีมีงานบุญที่หมู่บ้าน ลุงเฉลียวไม่ได้ไปร่วมงานบุญ แต่ภรรยาลุงไปร่วมงาน และนำเอาหมู่ดิบมาให้ทานที่บ้านก็เลยเป็นไข้มาประมาณ 13 วัน ต่อมาได้ไปโรงพยาบาล ผลออกมาเป็นไข้หูดับ และกล้าวเนื้ออ่อนแรงด้วย และได้บอกเตือนชาวบ้าน ไม่ให้กินดิบให้ปรุงสุกทุกอย่าง กลัวเกิดโรคไข้หูดับขึ้นมาอีก ได้บอกเตือนชาวบ้านแล้ว ห้ามกินอาหารดิบ ให้ปรุงสุกทุกครั้ง

          ทั้งนี้พบผู้ป่วยไข้หูดับที่ตำบลบ้านโคก จำนวน 3 ราย  1.นายเฉลียว บุญเลิศ อายุ 51 ปี บ้านเลขที่ 111 หมู่ 7 ตำบลบ้านโคก อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร ( สื่อสารกันโดยเขียนข้อความใส่กระดาน )   2. นางบุญมา ปาหลา อายุ 65 ปี บ้านเลขที่ 44 หมู่ 4 บ้านป่าหวาย ตำบลบ้านโคก อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร  3. นายบุญประสาน โกมล อายุ 40 ปี บ้านเลขที่ 50 หมู่ 2 บ้านโคก ตำบลบ้านโคก อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร 

About Author