คืบ รวบ 2 โจ๋รุมทำร้ายเด็กม.5ในปั๊มน้ำมันแล้ว
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 7 ธันวาคม 2564 ที่หน้าปั๊ม ปตท.ถนนเจนจบทิศ ต.ในเมือง อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น นางพรทิพย์ เกียรติมานะโรจน์ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 35/4 ม.7 ต.ในเมือง อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น พาลูกชายชื่อน้องฟลุ๊ค อายุ 17 ปี ( นายจตุภัทร อนุเดชากุล) ลงพื้นที่พาผู้สื่อข่าวดูจุดเกิดเหตุที่ลูกชายถูกทำร้ายร่างกาย ซึ่งได้เข้าแจ้งความกับตำรวจสภ.บ้านไผ่แล้ว แต่ยังจับตัวคนร้ายไม่ได้ จึงร้องเรียนกับสื่อมวลชนให้เป็นสื่อกลางในการติดตามคดีให้ด้วย เพราะเกรงว่าคนร้ายจะก่อเหตุซ้ำทำร้ายชาวบ้านรายอื่นอีก
นางพรทิพย์ เกียรติมานะโรจน์ อายุ 38 ปี เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ลูกชายออกมากดเงินและซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อในปั๊ม ปตท.ริมถนนเจนจบทิศ แล้วมาถูกคนอันธพาลรุมทำร้ายร่างกาย เมื่อลูกชายกลับถึงบ้านทราบเรื่อง จึงพาลูกชายเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.บ้านไผ่ เพราะต้องการให้ตำรวจจับกุมคนร้ายที่ทำร้ายลูกชายมาดำเนินคดีตามกฏหมายให้ถึงที่สุด เนื่องจากว่าคนไม่รู้จักกัน แต่มาทำร้ายกันแบบนี้ จะไม่มีการยอมความเด็ดขาด อีกทั้งก็เกรงว่าคนร้ายจะไปก่อเหตุซ้ำกับประชาชนรายอื่นๆอีก
“หลังจากเกิดเหตุ ได้ลงพื้นที่ขอกล้องวงจรปิดจากทางปั๊ม นำเป็นหลักฐานเข้าแจ้งความกับตำรวจ ซึ่งพบว่าคนร้ายขับขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ Honda PCX สีดำน้ำตาล ไม่ติดทะเบียน ขับขี่เข้ามาจอดที่จุดจอดรถจักรยานยนต์หน้าร้านสะดวกซื้อ ภายในปั๊มน้ำมัน ละทราบชื่อคนร้าย 1 ราย ชื่อว่า นายวาย อายุ 27 ปี ชาวบ้านศิลานาโพธิ์ ต.ในเมือง อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ส่วนอีกรายทราบชื่อว่านายโจ เป็นคนบ้านหนองแวงไร่ ต.ในเมือง อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ฝากถึงทั้ง 2 คน หากรู้ตัวว่ารังแกเด็ก ก็ขอให้เข้ามอบตัวกับตำรวจโดยเร็ว อยากถามคนนร้ายว่า ตีน้องทำไม
ขณะที่น้องฟลุ๊ค ซึ่งอยู่ในสภาพตาขวาแดงช้ำ ท้ายทอยถลอก จมูกบวมเขียว เปิดเผยว่า ในวันเกิดเหตุคือวันที่ 5 ธันวาคม ที่ผ่านมา ช่วงเย็นหลังเล่นกีฬาเสร็จก็กลับเข้าบ้าน จากนั้น จึงออกมาซื้อของกินที่ร้านสะดวกดซื้อและกดตังค์ที่ตู้เอทีเอ็มในปั๊มน้ำมัน ขณะขับขี่รถมาตามถนนเจนจบทิศ ผ่านตลาด มุ่งหน้ามาที่ปั๊มน้ำมัน ก็ได้ขับรถแซงรถจักรยานยนต์รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ Honda PCX ไม่นานคนร้ายก็ขับรถมาเทียบข้าง พร้อมตะโกนถามว่า มีปัญหาอะไรมั้ย จึงตอบว่าไม่มี แล้วก็เร่งเครื่องมาที่ปั๊มน้ำมัน เมื่อถึงปั๊มก็จอดรถไว้แล้วก็ไปซื้อของในร้านสะดวกซื้อ จากนั้นก็ออกมากดตังค์ที่ตู้เอทีเอ็ม จากนั้นก็เดินมาที่รถ ก็เจอกับคนร้าย ตะโกนว่า มองหน้าหน้าหาเรื่องหรอ จากนั้นก็ถูกคนร้าย 2 คนทำร้าย จึงวิ่งหนีไปขอความช่วยเหลือที่ร้านหมูกระทะข้างปั๊ม รอจนคนร้ายออกจากปั๊มจึงมาเอารถจักรยานยนต์ขับกลับบ้าน บอกมารดาให้ทราบเรื่อง และพากันมาแจ้งความกับตำรวจ ให้ตามจับคนร้ายให้ได้โดยเร็ว
ต่อมาเวลา 12.00 น.วันเดียวกัน พ.ต.อ.พิชัยภูษิส จารุพงศ์ ผกก.สภ.บ้านไผ่ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกหลายนาย ได้เชิญตัวนายธีรยุทธ ปัญญะใจ (โจ) อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 622 ม.1 บ้านหนองแวงไร่ ต.ในเมือง อ.บ้านตไผ่ จ.ขอนแก่น และนาย พีรพงษ์ หวานเหนือ(วาย) อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 61/1 ม.6 บ้านศิลานาโพธิ์ ต.ในเมือง อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นชาย2 คนที่ปรากฏภาพในวงจรปิด และทำร้ายร่างกายน้องฟลุ๊ค ที่บริเวณจุดจอดรถ หน้าร้านสะดวกซื้อ ภายในปั๊มน้ำมัน มาสอบสวน ที่งานสืบสวน สภ.บ้านไผ่ โดยได้เชิญฝ่ายน้องฟลุ๊คพร้อมบิดามารดามาพบคู่กรณีด้วย ซึ่งเมื่อทั้ง 2 คน เจอหน้าน้องฟลุ๊คพร้อมบิดามารดา ก็ยกมือไหว้ขอโทษพร้อมยอมรับในสิ่งที่ก่อเหตุขึ้น
โดยนายโจและนายวาย ให้การรับสารภาพตรงกันว่า ช่วงกลางวันของวันเกิดเหตุ คือวันที่ 5 ธันวาคมนั้น ได้ไปร่วมงานแต่งของเพื่อนที่ต่างหมู่บ้าน ช่วงเย็นจึงขับขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้าน และพากันแวะร้านสะดวกซื้อ ก็พบกับน้องฟลุ๊ค ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน และลงมือทำร้ายน้องจริง โดยที่ไม่มีเรื่องโกรธเคืองกัน และที่ทำไปทั้งหมด เพราะความเมาจนขาดสติ และขอยอมรับผิดในสิ่งที่ก่อเหตุขึ้น โดยขอเยียวยาให้น้องฟลุ๊คคนละ 5,000บาท ทางด้านนางพรทิพย์ เกียรติมานะโรจน์ อายุ 38 ปี มารดาของน้องฟลุ๊ค กล่าวหลังจากพบหน้าคนร้าย ที่ทำร้ายลูกตัวเอง และคนร้ายก็รับสารภาพ พร้อมทั้งจะจ่ายเงินเยียวยาให้ ว่ารู้สึกพอใจการทำงานของตำรวจที่ทำการสืบสวนจับกุมคนร้ายได้โดยเร็ว ในส่วนของคนร้ายที่มาขอโทษและเยียวยานั้น ถือเป็นการกระทำที่น่าพอใจ เพราะครอบครัวมี่อยากเคียดแค้นและมีศรัตรู เมื่อคนร้ายยอมรับสารภาพและขอโทษลูกชายและครอบครัวก็ขอจบกันไป ทางด้าน พ.ต.อ.พิชัยภูษิส จารุพงศ์ ผกก.สภ.บ้านไผ่ กล่าวว่า เนื่องจากคืนวันที่ 5 ธันวาคม ที่ผ่านมา มารดาพาลูกชายเช้าแจ้งความว่า ถูกชาย 2 คนทำร้ายร่างกายในปั๊มน้ำมัน ริมถนนเจนจบทิศ โดยมีภาพจากวงจรปิดของปั๊มบันทึกภาพขณะก่อเหตุได้ โดยเห็นหน้าคนร้ายชัดเจน ซึ่งชุดสืบสวนลงพื้นที่สืบสวนจนทราบชื่อคนร้ายคือนายโจกับนายวาย จึงไปเชิญตัวมาสอบสวน จากการสอบสวนผู้ต้องหารับสารภาพว่า ไม่รู้จักกับน้องฟลุ๊คมาก่อน ที่ลงมือทำร้ายน้องเพราะเมา ขาดสติ หาเรื่องทำร้ายน้อง ซึ่งโชคดีที่น้องบาดเจ็บเล็กน้อย ภายหลังสอบสวนจึงแจ้งข้อหา ทำร้ายร่างกายผู้อื่น ไม่เป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กาย จิตใจ มีโทษปรับคนละ 500 บาท นอกจากนี้ยังขอเยียวยาคนเจ็บอีกคนละ 5000บาท เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงทำบันทึกไว้เป็นหลักฐาน ในขณะเดียวกัน ฝ่ายผู้ต้องหาได้ยกมือไหว้ขอโทษผู้เสียหายและบิดามารดา ซึ่งฝ่ายผู้เสียหายก็ยกโทษให้ จากนั้นทั้งสองฝ่ายก็แยกย้ายกลับบ้าน
About Author
