เมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 17 ม.ค.65 พ.ต.ต.นวพล หาญขุนทด สว.(สอบสวน) สภ.เขาดิน จ.ราชบุรี ได้รับแจ้งเหตุรถสิบล้อบรรทุกอ้อยชนรถปิกอัพและรถจยย. จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 ราย ที่บริเวณถนนสายหนองครึม-หนองกวาง ม.4 ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี หลับรับแจ้งเหตุจึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมแพทย์เวรรพ.โพธาราม และจนท.กู้ภัยสว่างราชบุรี ที่เกิดเหตุพบรถ.จยย. ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ สีเทา ไม่ทราบทะเบียน สภาพพังยับเยินจนไม่เหลือสภาพรถ ห่างออกไป 45 เมตร พบรถบรรทุกสิบล้อ ยี่ห้ออีซูซุ สีฟ้า หมายเลขทะเบียน 83-1444 ราชบุรี ซึ่งเป็นเป็นรถบรรทุกอ้อยที่ตัดเป็นท่อนมาเต็มคันรถ พลิกตะแคงอยู่ข้างทาง กระจกหน้าหลุดออกจากตัวรถ และเศษอ้อยกระจายไปทั่วถนน โดยมี นายกรวิทย์ จิตงามขำ อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 72 ม.6 ต.ป่าหวาย อ.สวนผึ้ง เป็นผู้ขับขี่ ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย อยู่ในสภาพคล้ายคนเมาพูดจาไม่รู้เรื่อง ใกล้กันรถบรรทุกสิบล้อพบศพ นายภูผา สอสะอาด อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 52/5 ม.1 ต.เขาขลุง อ.บ้านโป่ง และน.ส.ชุติกาล แสงรุ่ง อายุ 19 ปี 105 ม.6 ต.แก้มอ้น อ.จอมบึง
ห่างออกไปประมาณ 50 เมตร พบรถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้าไทเกอร์ สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน บร-1239 ราชบุรี สภาพรถท้ายกระบะพังยับเยิน ด้านหน้ารถอัดติดกับเสาไฟส่องสว่างข้างทาง ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ถูกนำตัวส่งรพ.โพธาราม ไปก่อนหน้านี้ ทราบชื่อต่อมาคือ นายอดิรุจ นุชเครือ อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 208 หมู่ 12 ต.เขาขลุง อ.บ้านโป่ง ซึ่งเป็นคนขับขี่รถยนต์กระบะ และนายพสุธร สูญสิ้นภัย อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 18/3 หมู่ 1 ต.เขาขลุง อ.บ้านโป่ง ซึ่งผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บทั้งหมด ถูกรถสิบล้อบรรทุกอ้อยชนจนกระเด็นได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากการสอบถาม นายกมล คำชื่น อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 53 ม.14 ต.หนองปลาหมอ อ.บ้านโป่ง ซึ่งเป็นเพื่อนของผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บ เล่าว่า ตนอยู่ในเหตุการณ์ตอนที่รถสิบล้อพุงเข้ารถรถและเพื่อนๆของตน โดยก่อนเกิดเหตุ ตนได้ขับขี่รถจยย.มาคนละคันกับ นายภูผา และ น.ส.ชุติกาล ผู้เสียชีวิต เพื่อกลับบ้าน แต่เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุรถจยย.ของนายภูผา เกิดเสียทำให้ต้องจอดรถและโทรศัทพ์เรียกเพื่อนที่ได้รับบาดเจ็บทั้งสองคนมารับ แต่ระหว่างกำลังจะเอารถจยย.ของเพื่อนที่เสียชีวิตขึ้นรถกระบะ รถสิบล้อบรรทุกอ้อยได้วิ่งมาด้วยความเร็ว และได้พุ่งเข้าชนรถของพวกตนอย่างจัง จนกระเด็นไปคนละทิศละทางต่อหน้าต่อตาของตน
ซึ่งขณะโดนชน น.ส.ชุติกาล ได้นั่งอยู่ท้ายกระบะ ส่วนนายภูผา ได้คร่อมรถจยย. ส่วนเพื่อนที่ได้รับบาดเจ็บยื่นอยู่ข้างรถกระบะ ขณะที่รถจยย.ของตออยู่ด้านหน้ากระบะ ทำให้ผู้เสียชีวิตทั้งคู่เสียชีวิตคาที่ ส่วนเพื่อนอีกสองคนที่ขับรถกระบะมารับ ได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนตนได้ตัดสินใจขับรถจยย.พุ่งออกไปอีกทาง จึงทำให้รอดตายหวุดหวิด ซึ่งรถจยย.ของผู้เสียชีวิตเสียหายทั้งคัน ส่วนรถกระบะถูกชนจนกระเด็นไปไกลเกือบ 100 เมตร และชนเข้ากับเสาไฟส่องสว่าง ส่วนรถสิบล้อบรรทุกอ้อยก็พลิกคว่ำลงข้างทาง ตนจึงรีบโทรบอกเพื่อนๆ และรีบโทรแจ้งจนท.ตำรวจ ซึ่งตนเชื่อว่าคนขับรถสิบล้อ น่าจะเมาเพราะช่วงที่พวกเพื่อนตนถามคนขับ ว่าขับรถชนเพื่อนๆทำไม เขากลับตอบไม่รู้เรื่อง ทำให้เพื่อนที่มาดูโกรธแค้น และหวิดจะทำร้ายคนขับรถสิบล้อ จากการสอบสวน นายกรวิทย์ จิตรงามขำ อายุ 26 ปี คนขับขี่รถบรรทุกสิบล้อ ซึ่งอยู่ในสภาพคล้ายคนเมา ให้การวกวนว่า ตนขับขี่รถบรรทุกอ้อยมาจากอ.สวนผึ้ง เพื่อจะไปส่งโรงงานที่ จ.กาญจนบุรี เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ ตนมองไม่เห็นรถที่จอดอยู่ข้างทาง จึงทำให้ขับรถพุ่งชนรถจยย.และรถกระบะอย่างจัง
เบื้องต้นจนท.ตำรวจ ได้ควบคุมตัวคนขับรถสิบล้อ เพื่อนำตัวไปตรวจวัดแอลกอฮอล์ และสารเสพติดในร่างกาย ที่โรงพยาบาล พร้อมได้ตั้งข้อกล่าวหาเบื้องต้น ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิต ส่วนข้อกล่าวหาอื่นๆต้องรอผลสอบสวนคนขับรถสิบล้อ ก่อนจะต้องข้อกล่าวหาเพิ่มเติมต่อไป
About Author
